อาชีพเทรดเดอร์เป็นยังไง ต่างกันยังไงกับนักลงทุน
เป็นบทความเขียนยาว ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรด
ไม่ควรเสียเวลาอ่านครับ
มีคนถามว่า อาชีพเทรดเดอร์เป็นยังไง
ต่างกันยังไงกับนักลงทุน
ตอบข้อสองก่อน ในมุมส่วนตัวนะครับ
ต่างกับนักลงทุนตรง
นักลงทุนไม่ต้องมีสกิลด้านการวิเคราะห์กราฟก็สามารถเป็นนักลงทุนได้ เทรดผ่านตัวแทน
กองทุนหรือให้คนที่เก่งในเรื่องการเทรดมาช่วย
อันนี้คือทั่วไปใครๆก็เป็นนักลงทุนได้ถ้ามีเงิน
แต่จะเป็นนักลงทุนที่เก่งและสำเร็จได้จริงๆ
ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ มีจิตวิทยา เข้าใจการขายการตลาด
เก่งในเรื่องการบริหารการจัดการควรจะเป็นทั้งระบบ
เพื่อดูความสามารถของผู้ประกอบการ
หรือดูธุรกิจดูหุ้นส่วนอยู่ภายนอกหรือบางทีก็เข้ามาเล่นเอง
เรียกว่าดูอยู่ภายนอกแต่เป็นคนวงใน
อาจจะสามารถถอดหรือตั้งคนมาบริหารคนใหม่ได้ถ้าคนเก่าทำไม่ดี
ส่วนมากไม่ได้เข้ามาบริหารเองจะปล่อยให้คนเก่งๆทำงานให้เขาบริหารของเขาไป
ไม่เข้าไปวุ่นวาย จะแค่ดูอยู่ห่างๆ ง่ายๆต้องเก่งรอบด้าน
ไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องของการลงทุนในหุ้นในกราฟเท่านั้น ถ้านักลงทุนเองเก่งกราฟด้วย
ก็จะครบเป็นทั้งเทรดเดอร์เป็นทั้งนักลงทุน
ลองเข้ามาศึกษาที่นี่ครับ https://bit.ly/2BqijII......
หรือมาทดสอบเดโม่ https://bit.ly/2R4Lmqr
มีเดโม่และบัญชีประเภทเชนต์ ( เงินจริงสำหรับคนเริ่มต้นทีปลอดภัยมาก ) โดยลงเงินแค่ 5ดอลล่า หรือราว 175 บาท
***การลงทุนและการเก็งกำไรมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนและผู้เก็งกำไรควรเรียนรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนการตัดสินใจในการลงทุนหรือการเก็งกำไรใดๆ
ส่วนเทรดเดอร์
คือคนที่มีความสามารถด้านการเทรดการวิเคราะห์กราฟ โดยทั่วไปไม่ต้องมีทุนมากแค่เทรดเองได้
ใช้โปรแกรมเทรดเป็น ฟูลทามหรือบางเวลาแค่นั้นก็จะมองว่าเป็นเทรดเดอร์แล้ว
แต่ถ้าจะให้ผมนิยามในความหมายของผมจริงๆ
ก็คือแค่คนที่เทรดได้หรือเทรดเป็นเท่านั้นผมจะไม่ได้เรียกว่าเทรดเดอร์
ถ้าคนนั้นยังไม่มีสกิลไม่มีพื้นฐานองค์ความรู้จริงๆของการเป็นเทรดเดอร์
ไม่ใช่เทรดเดอร์ที่แท้จริงเพราะการที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งจนสามารถสร้างเงินได้จริงๆนั้น
ต้องมีความเข้าใจหลายอย่าง
นอกจากเทคนิคอลแล้วต้องเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานหลักๆในภาพรวมทางเศรษฐกิจ
ทั้งในประเทศและทั้งโลก สามารถคาดการณ์วิเคราะห์และวางกลยุทธการเทรด
ด้วยการเทรดแบบกราฟเปล่าเป็น ซึ่งอิงตามกฏและทษฎีหลัก เพราะมันมีผลกับตลาดโดยตรง
ก็เพื่ออ่านใจนักลงทุนในตลาดที่เทรดมานาน
ไม่ใช่แค่ที่เทรดเป็นเพียงเพราะอาสัยแค่เครื่องมือช่วยชี้วัด อย่าง Indicator
ใช้มากไปก็จะไม่เข้าใจภาพรวมตลาด ไม่มีทักษะด้านการวิเคราะห์กราฟโดยอิงทษฎีและกฏ
แค่อ่านเครื่องมือช่วยชี้วัดแล้วมะโนกราฟไปวันๆขาดการบริหารจัดการพอร์ตที่ดี
ไม่มีกลยุทธ์ในการเทรดที่วัดผลได้
เทรดตามอารมณ์ตามความโลภความกลัวควบคุมจิตใจและวินัยตัวเองไม่ได้
แบบนั้นผมมองแค่ว่าเป็นคนที่เทรดเป็นไม่ใช่เทรดเดอร์
ไม่ว่าเราจะเทรดแบบใหน
สุดท้ายต้องมีระบบมาชี้วัดให้ได้ ไม่ใช่เทรดมั่วตามใจ
เทรดเดอร์เป็นอาชีพที่ไม่ต้องไปยุ่งกับคนเยอะ
ถ้าเก่งก็อยู่แต่กับตัวเอง เพราะหาเงินเป็นรูปแบบสัดส่วนอยู่แล้ว
ทำงานได้ด้วยตัวคนเดียวผ่านหน้าจอมือถือผ่านหน้าจอคอมอยู่ที่ใหนก็ได้
ยกเว้นเทรดเดอร์ที่ทำกองทุนนะครับคือพวกที่เก่งในการเทรดแล้วทำงานเป็นทีม
เข้าใจทางใหลของเงินเข้าใจถึงขั้นว่าเอาเงินไปวางตรงนั้น ตรงใหนเวลาใหน
เข้าใหนออกตรงไหน แล้วเงินจะงอกเงย
ระดับกองทุนจะรู้วิธีการเชิงลึกที่ลึกไปอีก
รู้ถึงขั้นประมาณการได้ว่าถ้าตัวเลขออกมาแบบนี้ เฟดจะออกมาพูดเชิงนะโยบายในแนวทางใด
สามารถใช้ระบบจนระบบรวบรวมเงินจากคนทั้งโลก ภายในประเทศ หรือภายในกลุ่มตัวเอง
เพื่อเอาเงินนั้นไปลงทุนในส่วนต่างๆ ได้เองโดยเป็นระบบที่เกี่ยวกับการลงทุนอีกที
ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเองคนเดียวทั้งหมด หรืออยู่แค่เฉพาะหุ้น ทองคำ น้ำมันค่าเงิน
แปลว่าต้องเก่งในด้านอื่นด้วย แม้จะเก่งผ่านกราฟมา
สุดท้ายก็ต้องมีสกิลนักลงทุนอยู่ดี
ส่วนนี้มีทั้งคนที่ทำทั้งแบบถูกต้องแบบผิดกฏหมายหรือแบบสีเทา ต้องพิจารณาให้ดีๆ
แต่ผมมองว่าเทรดเดอร์ที่เก่งจริงๆรายบุคคล ( ยกเว้นที่กองทุนแบบมืออาชีพนะครับ )
เทรดแค่ตัวเองเทรดแค่กลุ่มลับๆของตัวเองก็พอ
ไม่จำเป็นต้องออกมาระดมทุนออกมาโชว์เงินกำไรหวังเอาเงินคนอื่นไปเทรด
เก่งจริงๆลองวิเคราะห์กราฟร่วงหน้าดูสิ ถ้าตรงบ่อยแปลว่าใช่
แต่ถ้าเอาแค่โชว์เขียวไปวันๆ ผมว่ายัง
คนที่ดูเป็นเขามองออกแค่จุดที่เข้าและเวลาปิด ก็รู้ละว่ากว่าจะปิดบวกได้รากไปเท่าไหร่
คนฉลาดเขาไม่เอาเงินตัวเองมาเสี่ยงกับระบบรากเสี่ยงดวงแบบrrติดลบหรอก
เพราะมันแปลว่าถ้าผิดทางพอร์ตนั้นก็พร้อมที่จะรากจนบวก
ถ้าผิดลึกและยาวไปละ ผลคือล้างนั่นแปลว่าความเสี่ยงนั้นแต่ละออรเดอร์
มีความเสี่ยงอยู่ราว50-100% แปลว่า แม้จะเทรดชนะเยอะเท่าไหร่ถ้าพลาด2ครั้งก็ล้างพอร์ตอยู่ดี
ชัยชนะภายนอกแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับผลลัพธ์สุดท้าย
คนที่แพ้อย่างไรให้ชนะต่างหากและสามารถเล่นตามแผนเล่นจนครบจำนวนครั้งเพื่อจบเกมส์ต่างห่างคือคนที่ชนะจริงๆในเกมส์การเงินพวกนี้
ยกตัวอย่างขึ้นมาหลักๆพวกนี้คือวิชากลยุทธ์สมัยโบรานที่เอามาปรับใช้กับการเทรด
ผมยกมาเพื่อให้มองเห็น
ทุกคนเป็นได้ทั้งเทรดเดอร์และนักลงทุน
เพราะเงินมันจะมาพร้อมกับสกิลที่สูงขึ้นของเรา
เทรดเดอร์ มีทุนน้อยๆก็สามารถเป็นได้
แค่เรามีวิชา รู้วิธีการสร้างเงิน รู้เส้นทางใหลของเงิน
ก็พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักลงทุนที่มีสกิลของเทรดเดอร์ได้
พ่อค้านักธุรกิจเมื่อประสบความสำเร็จจากการลองถูกผิดในการค้าในธุรกิจก็จะมีธุรกิจมากมายที่ต้องอาสัยคนเก่งๆมาช่วย
ก็จะกลายเป็นนักลงทุนโดยไม่รู้ตัว เพระเราต้องใช้เงินสร้างระบบให้ระบบทำงานแทนเรา
การให้ระบบทำงานแทนเรานั่นแหละคือการลงทุน แต่ถ้าจะเป็นเทรดต้องย้อนมาศึกษากราฟเอง
แต่ทั้งสองสายไม่ว่าจะเริ่มยังไง
สุดท้ายก็ต้องมาบรรจบกันอยู่ดี กรณีประสบความสำเร็จ
ทุกสายไม่ได้เริ่มด้วยเงินไม่จำเป็นต้องรวยมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมีมาก
เพราะยิ่งมีมากแล้วเข้ามาโดยขาดความรู้ เอาเข้ามามากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ๊งกลับไปเท่านั้น
เงินก็ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะบอกว่าเข้ามาแล้วต้องสำเร็จ ด้วยเหมือนกัน
แต่คือความรู้ต่างหาก เมื่อรู้แล้วและรู้สึกมันลึกพอ
มันจะช่วยเราสำเร็จได้ในทุกสิ่ง เริ่มด้วยการมีความรู้รู้วิธีการ
และวิธีการนั้นมันจะสร้างเงินให้เรา เมื่อวิธีการหนึ่งล้มเหลว ก็ไปไม่เป็นไรหาใหม่ไม่ไปยึดวิธีการมากไป
แต่ยึดที่เป้าหมาย เราก็จะสามารถค้นหาวิธีการอื่นที่จะไปถึงเป้าหมายได้
ที่ผมพูดบ่อยๆอย่ายึดที่วิธีการให้มองที่ผลลัพธ์และเป้าหมายพอ
ซึ่งน่าเสียดายและเสียใจที่คนส่วนมากเอาความคิดความอ่าน
ความรู้สึกจิตใจไปยึดกับวิธีการมากไป หลงว่าตัวเองล้มเหลว
จริงๆที่ล้มมันแค่วิธีการหนึ่งในหลายล้านวิธีการเท่านั้น
แยกไม่ออกว่าอันใหนวิธีการ
อันใหนผลลัพธ์หรือเป้าหมายเมืาอไหร่ก็ตามที่เราแยกออกเรานะมีพลังมากกว่าคนทั่วไปหลายร้อยเท่าเป็นคนที่ทำงานไม่เหนื่อยและท้อไม่เป็น
ถ้าสิ่งนั้นอยู่กับเราความสำเร็จก็อยู่กับเราด้วยเช่นกัน
Post a Comment