Header Ads

Momentum Trading Indicator

             "Momentum is real simple. Buy winners, because winners keep on winning."
              วันนี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือด้าน Quantitative อีกเล่มนึงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Momentum Trading หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนที่ชอบอ่านอะไรที่มีการวิจัยรองรับแบบจับต้องได้ เพราะหนังสือได้มีการอ้างอิงถึง Paper ที่มีผลการเทรดสไตล์ Momentum ต่างๆตลอด ทำให้เป็นแนวทางที่ง่ายในการไปต่อยอด โดยคอนเสปของ Momentum ในหนังสือเล่มนี้ได้แยกระหว่าง Momentum / Growth และ Value Investing ออกจากกัน

               Value Investing -> เน้นของถูกไว้ก่อน มอง Upside จากมูลค่าที่ซ่อนอยู่ มี Margin Of Safety หรือราคาต่ำกว่ามูลค่าตามแบบของ Benjamin Graham , Warren Buffet
Growth -> ยอมซื้อแพง ไปขายแพงกว่า โดยเน้นที่ยอดขาย / กำไร กิจการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อยู่ในอุตสาหกรรมของผู้ชนะ

              Momentum -> เชื่อว่าหุ้นที่ Perform ดีในอดีต จะเป็นตัวที่ยังคง Outperform ต่อไป โดยใช้ประโยชน์จากการ Diversification โดยใช้ "ราคา" เป็นเกณฑ์

        ซึ่งการวัด Momentum สามารถทำได้ 2 แบบ
      1. Time Series Momentum -> เป็นการวัด "Absolute Momentum" โดยการคำนวณจากผลตอบแทนย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆ เช่น Long APPLE & Long GOOGLE เพราะทั้งสองตัวมี Absolute Momentum

       2. Cross Sectional Momentum -> เป็นการวัด "Relative Strength" ซึ่งสามารถคำนวณได้ทั้งการเปรียบเทียบกับตลาด , อุตสาหกรรม หรือตัวหุ้นได้ เช่น Long APPLE & Short GOOGLE
ตัวอย่างง่ายๆในการหา Momentum แบบนึงจากหนังสือ โดยใช้ Generic Momentum โดยการนำผล  ตอบแทนแต่ละเดือนมาคำนวณแบบ Cumulative
(0.8923)(1.0575)(1.02)(1.0994)(1.0787)(1.0287)(1.0775)(0.9829)(1.072)(1.106)(0.9281)-1 = 40.62%

              ซึ่งได้มีการตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วเราควรคำนวณ Momentum ที่ Period เท่าไหร่ดี ถือหุ้นแต่ละตัวนานเท่าไหร่ดี หรือจำนวนกี่ตัวดี โดยในหนังสือได้อ้างอิงผลการวิจัยแบบต่างๆ เช่น แบ่งช่วงเวลาเป็น Short Term Momentum / Long Term Momentum / Intermediate Term Momentum และทำการทดสอบช่วงเวลาในการทำ Rebalancing ทุกๆ 3 เดือน โดยถือหุ้นตั้งแต่ 30 ตัว ไปจนถึง 300 ตัว (ผลการทดลองหนึ่งชี้ว่า ถือหุ้น 50 ตัว ทำ Rebalance ทุก 1 เดือน โดยเลือกหุ้นที่เป็น The Winner ในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา)
Frog In The Pan
FIG = sign(Past Return) * [%negative - %positive]
เป็นการอ้างอิงถึง Boiled Frog Theory หรือทฤษฎีกบต้ม โดยเป็นการพยายามหาหุ้นที่มี High Momentum with Smooth Price Path เป็นการหลีกเลี่ยงหุ้นที่เป็น "หุ้น Lottery" หรือหุ้นที่ขึ้นมาแบบรุนแรงเกินไปออกจากหุ้นที่มี Momentum ในทางบวก จาก 252 วันที่ผ่านมา อธิบายจากสูตรคือเลือกหุ้นที่มีวันที่ปิดเป็นบวกมากกว่าจำนวณวันที่ปิดเป็นลบนั่นเอง
Seasonal
หนังสือยังได้มีการกล่าวถึงงานวิจัยเกี่ยวกับผลตอบแทนในช่วงเวลาสำคัญต่างๆอย่าง Window Dressing , Sell in May , Tax-Motivated Trading(แรงจูงใจจากภาษีอย่างการซื้อ LTF ปลายปีในบ้านเรา) รวมถึงหากทำการ Rebalance ช่วงสิ้นไตรมาศจะมีผลต่อผลตอบแทนระยะยาวไหม
จะเห็นว่าหนังสือเล่มนี้ให้ไอเดียในการทดสอบโดยมีงานวิจัยอ้างอิงในเล่มตลอด โดยเราสามารถนำแนวทางในหนังสือ ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับการทำระบบเทรดในแบบ Trend Following ด้วย Technical แบบต่างๆได้ต่อไป เป็นการแนะนำไอเดียที่น่าสนใจจากหนังสือเท่านั้น รายละเอียดยังมีอีกหลายอย่างครับ โดยสามารถเข้าไปติดตามเวปไซด์ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้ที่ www.alphaarchitect.com
 ซึ่งหากชอบแนวนี้ก็ไม่ควรพลาด Quantitative Value จากผู้เขียนคนเดียวกันเป็นอย่างยิ่งครับ เป็นการต่อยอดการเทรดในสไตล์ Momentum + Value Investing ได้อย่างกลมกล่อมและเข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานด้านการทำระบบเทรดคงอ่านได้อย่างสนุกและนำไปต่อยอดได้ดีทีเดียว
 

ไม่มีความคิดเห็น